เลือกประกันชั้น 1 ให้ได้เบี้ยราคาประหยัด ต้องทำอย่างไร?

เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลาย ๆ คนคงจะทราบข่าวคราวของราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นมาก และยังมีแนวโน้มว่าจะราคาสูงไปอีกสักระยะ แบบไม่มีท่าทีว่าจะลดลงในช่วงเร็ว ๆนี้เลย จึงสร้างความหนักใจและความกังวลให้กับเหล่าผู้ใช้รถยนต์ เพราะว่าต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์

หากมีการเลือกรับความคุ้มครองจากประกันชั้น 1 เพิ่มเติมมาด้วย ซึ่งประกันภัยรูปแบบนี้ก็ถือว่ามีการเรียกเก็บเบี้ยคุ้มครองในราคาที่สูงอยู่แล้ว ไปจนถึงค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตรวจสภาพรถยนต์เพื่อให้รถยนต์ยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่มีส่วนใดที่ขัดข้องจนเกิดปัญหา รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดรถยนต์ โดยเฉพาะในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ แบบนี้ก็ยิ่งต้องเพิ่มภาระให้กับผู้ใช้รถยนต์ให้ต้องระมัดระวังกันมากขึ้น

สำหรับผู้ขับขี่บางคนที่เลือกความคุ้มครองจากประกันชั้น 1 อยู่แล้ว แต่กำลังรู้สึกว่าต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม จึงต้องการลดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังไม่อยากลดระดับหรือจำกัดขอบเขตความคุ้มครองให้แคบลง บทความนี้จะมาบอกเคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยให้คุณประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ลงได้ จะทำอย่างไรมาดูกันเลย

ซื้อประกันชั้น 1 ให้ได้เบี้ยราคาประหยัด

  • เปรียบเทียบประกันรถยนต์

เมื่อคุณต้องการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ หลาย ๆ คนในยุคนี้ก็มักจะเลือกใช้วิธีการเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อน เพื่อที่จะได้มีเวลาดูว่าแผนความคุ้มครองที่ต้องการนั้นมีการเรียกเก็บเบี้ยประกันในราคาสูงแค่ไหน เพราะแต่ละที่ก็จะเสนอราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับข้อตกลงต่าง ๆ

นอกจากนี้ การพิจารณาว่าจะลดความคุ้มครองที่คุณมองว่าตัวเองเสี่ยงน้อยลงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ทำให้คุณได้ประกันที่มีราคาเบี้ยประกันรถยนต์ถูกลง ช่วยประหยัดเงินได้อีกทาง

  • ติดต่อตัวแทน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้รถยนต์มาเป็นเวลานาน และซื้อประกันรถยนต์บ่อยจนมีตัวแทนที่คุ้นเคยกันดี ก็สามารถสอบถามหรือขอคำแนะนำเรื่องประกันชั้น 1 จากตัวแทนดูได้ โดยแจ้งว่าต้องการความคุ้มครองที่เรียกเก็บเบี้ยประกันถูกลง เนื่องจากปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งตัวแทนที่ต้องการขายประกันอยู่แล้ว ก็จะมองหาข้อเสนอดี ๆ หรือความคุ้มครองที่น่าสนใจมานำเสนอคุณได้อย่างแน่นอน

  • ประเมินตนเอง

เพราะประกันชั้น 1 เป็นรูปแบบความคุ้มครองที่เรียกเก็บเบี้ยประกันในราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับรูปแบบอื่น ๆ นอกจากเรื่องของความคุ้มครองแล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมก็คือตัวของผู้เอาประกันภัยเอง หากตัวผู้เอาประกันมีประวัติการขับขี่ที่ดี อายุน้อย ก็จะมีโอกาสจ่ายเบี้ยประกันถูกลง แต่ถ้าเคยมีประวัติเฉี่ยวชน และเป็นผู้ขับที่อายุมากแล้ว บริษัทฯ ก็อาจเรียกเก็บเงินค่าเบี้ยประกันฯ ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับงบประมาณของผู้ขับแต่ละท่านเองด้วย